ทดสอบปลายภาค
1. แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ให้นักศึกษาอ่านบทความอย่างน้อย 3 บทความหรือมากกว่า ใช้ Keywordว่า
"แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา"ให้เขียนเชื่อมโยง วิเคราะห์ลงในบล็อกของนักเรียน
แท็บเล็ต ( Tablet ) เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค พกพาง่าย
น้ำหนักเบา มีคีย์บอร์ดในตัว หน้าจอเป็นระบบสัมผัส ปรับหมุนจอได้อัตโนมัติ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่าคอมพิวเตอร์พกพาทั่วไป
"แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา"
เป็นเครื่องมือยกระดับคุณภาพและกระจายโอกาสทางการศึกษา แท็บเล็ตเป็นเครื่องมือที่สำคัญ
ในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการศึกษาไทย
รูปแบบการศึกษาที่ต้องเปลี่ยนจากการสอนเป็นการเรียนรู้และแสวงหาด้วยตนเอง เปลี่ยนจากเน้นเนื้อหาในกรอบหลักสูตรมาเป็นเน้นทักษะ
ความคิดและกระบวนการ โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและเอื้อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีพ
แท็บเล็ตเป็นการสร้างแรงจูงใจของผู้เรียนและมีผลกระทบในทางบวกต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
เข้าถึงองค์ความรู้นอกห้องเรียนอย่างกว้างขวาง
การศึกษาในยุคใหม่ กระบวนการเรียนรู้มีความสำคัญมาก
ครูมิใช่ผู้มอบความรู้ แต่เป็นผู้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ไปพร้อมกับผู้เรียน คนรุ่นใหม่ควรได้รับการพัฒนาให้เรียนรู้ได้เองตลอดชีวิต
มีทักษะและกระบวนการอ่าน การใช้แท็บเล็ตจึงต้องเน้นกระบวนการเรียนรู้
ที่มา : http://www.chusak.net/index.php?mo=3&art=41993028
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/492166
http://www.dailynews.co.th/technology/150713
2. อ่านบทความเรื่องสมาคมอาเซียนอ่านบทความอย่างน้อย 3 บทความหรือมากกว่า ใช้ Keywordว่า
"สมาคมอาเซียน" ให้เขียนวิเคราะห์ ประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้าน
การเตรียมตัวเป็นครู นักเรียน นักศึกษา เพื่อไปสู่อาเซียนได้อย่างไร
อาเซียน
มีชื่อเต็มว่า สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association
of Southeast Asian Nations) ประกอบด้วยประเทศสมาชิก 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม ,
ราชอาณาจักรกัมพูชา , สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ,
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว , มาเลเซีย ,
สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียน-มาร์ , สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
, สาธารณรัฐสิงคโปร์ , ราชอาณาจักรไทย
และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือสมาชิกทั้ง
10 ประเทศ
ให้สามารถทำงานร่วมกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เพื่อให้อาเซียนมีความร่วมมือระหว่างกันในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์
การเกษตร อุตสาหกรรม การคมนาคม รวมทั้งการช่วยเหลือให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี โดยอินโดนีเซีย
วางตัวเป็นผู้ส่งออกไปยังตะวันออกกลาง
สิงคโปร์และมาเลเซียก็วางตัวเป็นผู้ผลิตบุคลากรส่งออกทางด้านการแพทย์
ประเทศไทยเป็นผู้นำในการก่อตั้งสมาคมอาเซียน
มีศักยภาพในการเป็นแกนนำในการสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง
ภายใต้ยุทธศาสตร์วิสัยทัศน์เดียว เอกลักษณ์เดียว และประชาคมเดียว
เพื่อความเจริญมั่นคงของประชากร ทรัพยากร และเศรษฐกิจ
การศึกษาไทยจึงเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างประชาคมอาเซียน
โดยการศึกษาเป็นกลไกในการปลูกฝังค่านิยม แนวความคิด
ความเข้าใจกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ
ของอาเซียนและเศรษฐกิจโลก
ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายให้นักเรียนที่จบชั้น ป.6
สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคม โดยได้เร่งผลักดันและดำเนินการในหลายด้าน
เช่น
1. สร้างศูนย์อำนวยการเพื่อให้ครูเจ้าของภาษามาสอน
2.พัฒนาการเรียนการสอนแบบ English for Integrated Studies (EIS) จะมีการบูรณาการการสอนภาษาอังกฤษในวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
3.พัฒนาห้องเรียนแห่งอนาคต (The Global Class) ซึ่งเป็นห้องเรียนอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเชื่อมโยงการเรียนการสอนได้อย่าง
4.การอบรมภาษาอังกฤษให้กับครู เพื่อให้ครูยุคใหม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ และใช้ ICT ได้
การเตรียมความพร้อมของการศึกษาไทย มีจุดมุ่งหมาย ดังนี้
๑. การสร้างประชาคมอาเซียนด้วยการศึกษา ให้ประเทศไทยเป็น Education Hub มีการเตรียมความพร้อมในด้านกรอบความคิด พัฒนาสมรรถนะให้พร้อมจะอยู่ร่วมกันและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้าน การศึกษา โดยให้มีการร่วมมือกันใน ๓ ด้านคือ ด้านพัฒนาคุณภาพการศึกษา การขยายโอกาสทางการศึกษา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริการและจัดการศึกษา
๒. ขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนด้วยการศึกษา ด้วยการสร้างความเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียน การส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศเพื่อพัฒนาการติดต่อสื่อสารระหว่างกันในประชาคมอาเซียน
ที่มา : สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
http://web62.sskru.ac.th/aseansskru/maxsite/name=page&file
http://www.osmiebkk.moe.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=98:-2558-&catid=35:adnews&Itemid=125
http://www2.rsu.ac.th/news/readinesstoasean
3.
อ่านบทความครูกับภาวะผู้นำของ ผศ.ดร.สมาน คำฟูแสง
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับครู ให้ยกตัวอย่าง ประกอบ แสดงความคิดเห็น
" การที่ครูมีความรู้ความสามารถและแสดงออกให้เห็นว่าเป็นผู้มีสมรรถนะด้านการจัดการเรียนการสอน
เป็นที่ยอมรับของเพื่อนครู นักเรียน (นักศึกษา )และผู้ปกครอง
จนทำให้เกิดกระบวนการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วมให้เกิดในองค์กรได้ "
ผู้นำที่ดีจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 4 ด้านคือ
- ศรัทธา
คนเป็นครูต้องมีความศรัทธาในวิชาชีพของตนเอง ต้องมีความรักในความเป็นครู สามารถปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กได้
- ความไว้วางใจ
ครูต้องสร้างความไว้วางใจกับครูผู้ร่วมงานและกับนักเรียนให้ได้
จะต้องปฏิบัติตนอย่างจริงใจกับนักเรียนให้นักเรียนไว้วางใจ
เพราะเมื่อนักเรียนไว้วางใจครูแล้วนักเรียนก็จะสามรถปรึกษาครูได้ทุกเรื่องเมื่อมีปัญหา
ทำให้ครูสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับนักเรียนได้อย่างเต็มที่
- สร้างแรงบันดาลใจ ครูจะต้องสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง
เพราะการสร้างแรงบันดาลใจจะทำให้มีพลังในการดำเนินชีวิต
ในการเป็นครูที่ดีของนักเรียน เมื่อครูมีแรงบันดาลใจเป็นของตนเองแล้ว
ครูก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนได้
- ยอมรับในความเป็นปัจเจกบุคคล ครูจะต้องยอมรับให้ได้ว่ามนุษย์ทุกคนแตกต่างกัน ต่างพ่อต่างแม่ ต่างคนก็ต่างความคิด ดังนั้นครูจะต้องยอมรับฟังความคิดของนักเรียนทุกคนโดยที่รับฟังอย่างมีเหตุผล ไม่มีอคติกับนักเรียนคนใดคนหนึ่ง เพราะถือว่านักเรียนทุกคนเป็นลูกศิษย์ของเรา
ครูที่จะเป็นผู้นำทางวิชาการ
หรือผู้นำทางการเรียนการสอน ควรมีพฤติกรรม 7 ประการ คือ
1. หาหนังสือที่ติดอันดับขายดีที่สุดมาอ่าน การหาหนังสือที่ติดอันดับขายดีที่สุดมาอ่านทำให้เราเป็นคนที่แสวงหาความรู้ใหม่ๆ ทำให้เรามีความรู้ใหม่ๆ หนังสือที่ขายดีย่อมมีข้อคิด คำสอน หรือเนื้อหาที่ดี ทำให้เราได้รู้ในหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่รู้ และในบางเรื่องที่เรารู้แล้วเราอาจสามารถต่อยอดความรู้เดิมได้อีกด้วย
2. อยู่กับปัจจุบัน / ทันสมัย มนุษย์ทุกคนควรอยู่กับปัจจุบัน ไม่อยู่กับอดีตหรือเพ้อฝันถึงอนาคต เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วเราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้วนอกจากนำบทเรียนในอดีตมาแก้ไขปรับปรุงให้อยู่กับปัจจุบัน ครูทุกคนควรทำวันนี้ให้ดีที่สุด อยู่กับโลกปัจจุบัน และนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาปรับใช้ในชีวิต
3. หาข้อมูล มีความรู้เกี่ยวกับเด็ก ครูจะต้องมีความรู้ ความสามารถในศาสตร์วิชาชีพของตน และครูจะต้องมีข้อมูลพื้นฐานของเด็กแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ต้องมีความรู้เกี่ยวกับเด็กในแต่ละช่วงวัยอายุ ว่าเด็กช่วงอายุไหนควรสอน ดูแล อบรมอย่างไรจึงจะเหมาะสม
4. ทำให้เด็กแสดงออกซึ่งการเป็นภาวะผู้นำ ครูจะต้องหาวิธีการสอนที่ตื่นเต้น น่าสนใจ และในการสอนแต่ละครั้งควรชักจูงให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียน กระตุ้นให้นักเรียนกล้าแสดงออก ให้นักเรียนแสดงออกถึงการเป็นภาวะผู้นำ โดยทุกคนในชั้นเรียนสามารถเป็นผู้นำกันได้ทุกคน โดยผลัดเปลี่ยนกันไปตามสถานการณ์
5. กำหนดให้เด็กทำงานรวมกันเป็นกลุ่ม ในการจัดกระบวนการเรียนการสอน ครูจะต้องให้เด็กทำงานรวมกันเป็นกลุ่ม เพราะการทำงานเป็นกลุ่มจะทำให้เด็กมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนๆ มีการช่วยเหลือกัน มีการให้คำปรึกษาแนะนำกัน และที่สำคัญการทำงานเป็นกลุ่มจะทำให้เกิดความสามัคคีภายในหมู่คณะ
6. เชิญบุคคลภายนอกมาพูดให้เด็กฟัง การที่เด็กได้รับฟังวิทยากร จะทำให้เด็กได้รับความรู้ที่แปลกใหม่ ทำให้เด็กสนใจที่จะใฝ่รู้ เพราะวิทยากรแต่ละท่านจะถ่ายทอดความรู้ให้เด็กอย่างหลากหลาย และมีวิธีการถ่ายทอดที่แตกต่างกันออกไป ทำให้น่าสนใจค้นหา
7. ท้าทายให้เด็กได้คิด ครูควรจะฝึกให้เด็กคิดเอง มิใช่ป้อนความรู้ให้เพียงอย่างเดียว เพราะจะทำให้เด็กไม่กล้าที่จะคิด ไม่มั่นใจกับความคิดของตนเอง ครูจึงควรเปิดโอกาสให้เด็กได้คิด ได้แสดงความคิดเห็นของตนเองอย่างเต็มที่ โดยครูเป็นผู้รับฟังความคิดของนักเรียนอย่างตั้งใจ และยอมรับความคิดที่แตกต่างของนักเรียนทุกคน
1. หาหนังสือที่ติดอันดับขายดีที่สุดมาอ่าน การหาหนังสือที่ติดอันดับขายดีที่สุดมาอ่านทำให้เราเป็นคนที่แสวงหาความรู้ใหม่ๆ ทำให้เรามีความรู้ใหม่ๆ หนังสือที่ขายดีย่อมมีข้อคิด คำสอน หรือเนื้อหาที่ดี ทำให้เราได้รู้ในหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่รู้ และในบางเรื่องที่เรารู้แล้วเราอาจสามารถต่อยอดความรู้เดิมได้อีกด้วย
2. อยู่กับปัจจุบัน / ทันสมัย มนุษย์ทุกคนควรอยู่กับปัจจุบัน ไม่อยู่กับอดีตหรือเพ้อฝันถึงอนาคต เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วเราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้วนอกจากนำบทเรียนในอดีตมาแก้ไขปรับปรุงให้อยู่กับปัจจุบัน ครูทุกคนควรทำวันนี้ให้ดีที่สุด อยู่กับโลกปัจจุบัน และนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาปรับใช้ในชีวิต
3. หาข้อมูล มีความรู้เกี่ยวกับเด็ก ครูจะต้องมีความรู้ ความสามารถในศาสตร์วิชาชีพของตน และครูจะต้องมีข้อมูลพื้นฐานของเด็กแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ต้องมีความรู้เกี่ยวกับเด็กในแต่ละช่วงวัยอายุ ว่าเด็กช่วงอายุไหนควรสอน ดูแล อบรมอย่างไรจึงจะเหมาะสม
4. ทำให้เด็กแสดงออกซึ่งการเป็นภาวะผู้นำ ครูจะต้องหาวิธีการสอนที่ตื่นเต้น น่าสนใจ และในการสอนแต่ละครั้งควรชักจูงให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียน กระตุ้นให้นักเรียนกล้าแสดงออก ให้นักเรียนแสดงออกถึงการเป็นภาวะผู้นำ โดยทุกคนในชั้นเรียนสามารถเป็นผู้นำกันได้ทุกคน โดยผลัดเปลี่ยนกันไปตามสถานการณ์
5. กำหนดให้เด็กทำงานรวมกันเป็นกลุ่ม ในการจัดกระบวนการเรียนการสอน ครูจะต้องให้เด็กทำงานรวมกันเป็นกลุ่ม เพราะการทำงานเป็นกลุ่มจะทำให้เด็กมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนๆ มีการช่วยเหลือกัน มีการให้คำปรึกษาแนะนำกัน และที่สำคัญการทำงานเป็นกลุ่มจะทำให้เกิดความสามัคคีภายในหมู่คณะ
6. เชิญบุคคลภายนอกมาพูดให้เด็กฟัง การที่เด็กได้รับฟังวิทยากร จะทำให้เด็กได้รับความรู้ที่แปลกใหม่ ทำให้เด็กสนใจที่จะใฝ่รู้ เพราะวิทยากรแต่ละท่านจะถ่ายทอดความรู้ให้เด็กอย่างหลากหลาย และมีวิธีการถ่ายทอดที่แตกต่างกันออกไป ทำให้น่าสนใจค้นหา
7. ท้าทายให้เด็กได้คิด ครูควรจะฝึกให้เด็กคิดเอง มิใช่ป้อนความรู้ให้เพียงอย่างเดียว เพราะจะทำให้เด็กไม่กล้าที่จะคิด ไม่มั่นใจกับความคิดของตนเอง ครูจึงควรเปิดโอกาสให้เด็กได้คิด ได้แสดงความคิดเห็นของตนเองอย่างเต็มที่ โดยครูเป็นผู้รับฟังความคิดของนักเรียนอย่างตั้งใจ และยอมรับความคิดที่แตกต่างของนักเรียนทุกคน
ที่มา : http://www.gotoknow.org/blogs/posts/315219
4.ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นและประเมินวิชานี้ว่า การเรียนรู้โดยใช้บล็อก
นักศึกษามีวิธีการเรียนรู้อย่างไร แสดงความคิดเห็นหากจะเรียนรู้โดยใช้บล็อก
ต่อไปข้างหน้าโอกาสจะเป็นอย่างไร ควรที่จะให้คะแนนวิชานี้อย่างไร
และหานักเรียนต้องการจะได้เกรดในวิชานี้ นักเรียนจะต้องพิจารณาว่า
4.1 ตนเองมีความพยายามมากน้อยเพียงใด
4.2 เข้าเรียนทุกครั้งไม่เคยขาดเรียน
4.3 ทำงานส่งผ่านบล็อกตามกำหนดทุกครั้งที่อาจารย์สั่งงาน
4.4 ทำงานบทบล็อกด้วยความคิดของตนเองไม่ใช้ความคิดคนอื่น
4.5.สิ่งที่นักเรียนตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง เขียนอธิบายลงในบล็อก
4.6.อาจารย์จะพิจารณาจากผลงานและความตั้งใจ ความสื่อสัตย์ตนเอง และบอกเกรดว่าควรจะได้เท่าไร แสดงความคิดเห็น
4.1 ตนเองมีความพยายามมากน้อยเพียงใด
4.2 เข้าเรียนทุกครั้งไม่เคยขาดเรียน
4.3 ทำงานส่งผ่านบล็อกตามกำหนดทุกครั้งที่อาจารย์สั่งงาน
4.4 ทำงานบทบล็อกด้วยความคิดของตนเองไม่ใช้ความคิดคนอื่น
4.5.สิ่งที่นักเรียนตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง เขียนอธิบายลงในบล็อก
4.6.อาจารย์จะพิจารณาจากผลงานและความตั้งใจ ความสื่อสัตย์ตนเอง และบอกเกรดว่าควรจะได้เท่าไร แสดงความคิดเห็น
การเรียนรู้โดยใช้บล็อก
เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ทันสมัย มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามามาส่วนร่วมในการเรียนรู้
ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
สามารถหาความรู้ได้ตลอดเวลา สะดวก และสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ข้าพเจ้ามีวิธีการเรียนรู้โดยใช้บล็อก คือ
ข้าพเจ้าจะศึกษาหาความรู้
และจะทำงานที่อาจารย์มอบหมายให้โดยการศึกษาจากเว็บไซต์ต่างๆ
แล้วนำมาประมวลเป็นความรู้ของตนเอง หลังจากนั้นก็นำมาโพสลงในบล็อก
และข้าพเจ้ายังได้ศึกษาหาความรู้ โดยการอ่านบทความในบล็อกของอาจารย์ และของเพื่อนๆ
ทำให้ข้าพเจ้าได้รับความรู้ที่หลากหลาย
หากจะเรียนรู้โดยใช้บล็อกต่อไป
ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก
เพราะการเรียนรู้โดยใช้บล็อกนี้ทำให้ทุกคนได้แสดงออกทางความคิดของตนเองอย่างเต็มที่
ทุกคนสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองทุกที่ ทุกเวลา
และเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามามีบทบาทในการเรียนรู้ด้วย
ข้าพเจ้าคิดว่าโอกาสข้างหน้าทุกคนจะให้ความสำคัญในการเรียนรู้โดยใช้บล็อกนี้เป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะที่โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาต่างๆก็ให้ความสำคัญ เพราะการเรียนรู้โดยใช้บล็อกนี้สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
สามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
และเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดของตนเองอย่างเต็มที่
ข้าพเจ้าจะให้คะแนนวิชานี้
คือ ถ้าคะแนนเต็ม 10 ข้าพเจ้าจะให้เต็ม 10 เพราะการจัดการเรียนรู้โดยใช้บล็อกเป็นวิธีการเรียนรู้ที่ทันสมัย
มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามามาส่วนร่วมในการเรียนรู้
ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
สามารถหาความรู้ได้ตลอดเวลา สะดวก และสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
ข้าพเจ้าต้องการจะได้เกรดในวิชานี้
เกรด A เพราะ
1. ข้าพเจ้ามีความพยายามมากในการเรียนวิชานี้ ข้าพเจ้ามีความพยายามในการนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน นั่นคือโน้ตบุ๊คมาเรียนวิชานี้ทุกครั้ง เมื่อโน้ตบุ๊คของข้าพเจ้าเข้าอินเตอร์เน็ตไม่ได้ ก็สามารถทำงานที่อาจารยืสั่งได้ ข้าพเจ้าก็มีความกระตือรือร้นรีบนำโน้ตบุ๊คไปให้ทางร้านซ่อมดูว่าเกิดปัญหาอะไร
2. ข้าพเจ้าเข้าเรียนทุกครั้งไม่เคยขาดเรียน
3. ข้าพเจ้าทำงานส่งผ่านบล็อกตามกำหนดทุกครั้งที่อาจารย์สั่งงาน
4. ข้าพเจ้าทำงานบนบล็อกด้วยความคิดของตนเองไม่ใช้ความคิดคนอื่น
5.สิ่งที่ข้าพเจ้าตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง
1. ข้าพเจ้ามีความพยายามมากในการเรียนวิชานี้ ข้าพเจ้ามีความพยายามในการนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน นั่นคือโน้ตบุ๊คมาเรียนวิชานี้ทุกครั้ง เมื่อโน้ตบุ๊คของข้าพเจ้าเข้าอินเตอร์เน็ตไม่ได้ ก็สามารถทำงานที่อาจารยืสั่งได้ ข้าพเจ้าก็มีความกระตือรือร้นรีบนำโน้ตบุ๊คไปให้ทางร้านซ่อมดูว่าเกิดปัญหาอะไร
2. ข้าพเจ้าเข้าเรียนทุกครั้งไม่เคยขาดเรียน
3. ข้าพเจ้าทำงานส่งผ่านบล็อกตามกำหนดทุกครั้งที่อาจารย์สั่งงาน
4. ข้าพเจ้าทำงานบนบล็อกด้วยความคิดของตนเองไม่ใช้ความคิดคนอื่น
5.สิ่งที่ข้าพเจ้าตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง